ทำความรู้จักไฟฉาย LEP (Laser Excited Phosphor): นวัตกรรมแห่งแสงสว่างระยะไกล July 20 2025 , by Customer Support, 5 min reading time
 
           
         สัมผัสที่สุดของนวัตกรรมแสงสว่างยุคใหม่! ไฟฉาย LEP (Laser Excited Phosphor) เปลี่ยนมุมมองการให้แสงสว่างระยะไกลด้วยลำแสงคมกริบ พุ่งไกลเป็นกิโลเมตร เจาะลึกกลไกสุดล้ำ คุณสมบัติเด่น และข้อควรระวังสำคัญของเทคโนโลยีนี้
ในโลกของอุปกรณ์ส่องสว่าง มีนวัตกรรมหนึ่งที่กำลังเข้ามาเปลี่ยนมุมมองของการให้แสงสว่างระยะไกล นั่นคือ ไฟฉาย LEP (Laser Excited Phosphor)  หากคุณเคยรู้สึกทึ่งกับไฟฉายที่ส่องได้ไกลเป็นกิโลเมตร ลำแสงคมกริบราวกับเลเซอร์ นี่คือเทคโนโลยีเบื้องหลังความมหัศจรรย์นั้น
บทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจกลไกการทำงาน คุณสมบัติเด่น และที่สำคัญที่สุดคือข้อควรระวังด้านความปลอดภัยของไฟฉาย LEP 
หลักการทำงานของไฟฉาย LEP   (Laser Excited Phosphor) 
 
หัวใจสำคัญของไฟฉาย LEP คือเลเซอร์ไดโอด (Diode Laser)  ขนาดเล็กที่สร้างลำแสงเลเซอร์สีน้ำเงินที่มีกำลังและพลังงานแสงที่มีความเข้มข้นสูง   เป็นแหล่งกำเนิดแสงตั้งต้น   แสงเลเซอร์นี้เป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการทั้งหมด  
ไฟฉาย LEP ทำงานโดยใช้หลักการ "การเรืองแสงด้วยแสง" (Photoluminescence)  โดยการกระตุ้นสารฟอสฟอร์ด้วยลำแสงเลเซอร์ที่มีความเข้มข้นสูง ให้เปล่งแสงสีขาวออกมาได้อย่างสว่างไสวและมีประสิทธิภาพ   ความแตกต่างในสูตรและคุณภาพของสารฟอสฟอร์ที่ใช้ในแต่ละรุ่นหรือแต่ละแบรนด์ มีผลต่อเฉดสีของแสงขาวที่ได้ (เช่น ขาวอมเหลือง ขาวอมฟ้า)  
ไฟฉาย LEP ของแต่ละแบรนด์จะมีความแตกต่างกันที่รายละเอียดการออกแบบโมดูล LEP การเลือกใช้วัสดุ การออกแบบเลนส์ การจัดการความร้อน และฟังก์ชันเสริมต่างๆ ซึ่งเป็นจุดที่แต่ละแบรนด์จะสร้างความโดดเด่นและคุณภาพที่แตกต่างกันไป
เลเซอร์กระตุ้นฟอสฟอร์  
แหล่งพลังงานหลักคือ เลเซอร์ไดโอดสีน้ำเงิน  (โดยทั่วไปมีความยาวคลื่นอยู่ในช่วง 400-500 นาโนเมตร) การเลือกใช้แสงสีน้ำเงินเนื่องจากมีพลังงานสูงเพียงพอที่จะกระตุ้นสารฟอสฟอร์   ลำแสงเลเซอร์มีความขนาน (Collimated) สูงและเป็นแสงสีเดียว (Monochromatic) ลักษณะเฉพาะของลำแสงเลเซอร์นี้สามารถส่งพลังงานไปยังฟอสฟอร์ได้อย่างแม่นยำและเข้มข้น จึงกระตุ้นให้ฟอสฟอร์เปล่งแสงออกมาได้มีประสิทธิภาพสูง และควบคุมทิศทางแสงได้อย่างดี  
การแปลงแสงด้วยฟอสฟอร์ในไฟฉายเลเซอร์ 
ในระบบไฟฉายแบบเลเซอร์ฟอสฟอร์ (Laser-Phosphor) ลำแสงเลเซอร์สีน้ำเงินจะถูกยิงไปยังวัสดุฟอสฟอร์ ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบแผ่นเซรามิกหรือเคลือบผลึก (เช่น PCC – Phosphor Crystal Coating) 
ฟอสฟอร์ที่ใช้กันบ่อยคือ Ce:YAG ซึ่งเป็นวัสดุเดียวกับที่ใช้ใน LED สีขาวหลายรุ่น เมื่อลำแสงเลเซอร์พลังงานสูงตกกระทบ ฟอสฟอร์จะดูดซับพลังงานแล้วปล่อยแสงสีเหลืองออกมา 
แสงที่ได้จากฟอสฟอร์นี้มีความยาวคลื่นยาวกว่าแสงเลเซอร์ต้นทาง ทำให้ดูเป็นแสงเหลืองหรือเหลืองอมเขียว และเมื่อผสมกับแสงสีน้ำเงินที่เหลืออยู่ ก็จะกลายเป็นแสงสีขาวที่สว่างมาก 
ข้อดีคือ แสงที่ได้ยังคงมีความเข้มสูง ทิศทางชัดเจน และพุ่งไกลกว่าระบบ LED ปกติหลายเท่า จึงเหมาะกับไฟฉายที่เน้นระยะยิงไกลสุดขีด หรือการใช้งานเฉพาะทางที่ต้องการแสงจุดคมๆ แบบเลเซอร์ แต่ยังมองเห็นสภาพแวดล้อมรอบๆ ได้ดีจากแสงฟอสฟอร์ที่กระจายออกมา 
 
การสร้างแสงสีขาว 
เมื่อแสงเลเซอร์สีน้ำเงินยิงไปยังฟอสฟอร์ บางส่วนของแสงสีน้ำเงินอาจยังคงทะลุผ่านออกมาได้ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งจะถูกฟอสฟอร์แปลงเป็นแสงสีเหลืองหรือเหลืองอมเขียว 
เมื่อแสงสีน้ำเงินที่เหลือรวมกับแสงสีเหลืองจากฟอสฟอร์ สายตามนุษย์จะมองเห็นเป็นแสงสีขาว ซึ่งเฉดของแสงที่ได้ เช่น ขาวเย็น (Cool White) หรือ ขาวกลาง (Neutral White) จะขึ้นอยู่กับชนิดของฟอสฟอร์ที่ใช้ และปริมาณของแสงเลเซอร์ที่ยังหลงเหลืออยู่ 
ระบบนี้ทำให้สามารถควบคุม โทนสีของแสง ได้ค่อนข้างแม่นยำ และยังได้แสงที่ พุ่งไกลแต่ไม่แคบเกินไป เหมือนเลเซอร์บริสุทธิ์ 100% 
 
ส่วนประกอบหลักและกระบวนการผลิตของไฟฉาย LEP การเลือกและติดตั้งเลเซอร์ไดโอด 
ใช้เลเซอร์ไดโอดสีน้ำเงินพลังสูง (Class 3B) ซึ่งให้พลังงานเพียงพอในการกระตุ้นฟอสฟอร์ 
ต้องติดตั้งลงบนแผ่นระบายความร้อน เช่น ทองแดงหรืออะลูมิเนียมภายในโมดูลที่แข็งแรง เพื่อจัดการความร้อนที่เกิดขึ้น 
เลเซอร์มีความไวต่ออุณหภูมิสูง จึงต้องควบคุมอย่างระมัดระวังเพื่อคงประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งาน 
 
วัสดุฟอสฟอร์ 
ฟอสฟอร์ที่ใช้ในระบบเลเซอร์ฟอสฟอร์มักเป็นชนิด Ce:YAG  (Cerium-doped Yttrium Aluminum Garnet) ซึ่งเป็น ผลึกแกร์เนตสังเคราะห์  ที่ประกอบด้วยอิตเทรียม อะลูมิเนียม และออกซิเจน แล้วเจือด้วยธาตุซีเรียม เพื่อให้มีคุณสมบัติเปล่งแสง 
 
Ce:YAG  มีลักษณะโปร่งใส แข็งแรง ทนความร้อนสูง เมื่อถูกกระตุ้นด้วยแสงเลเซอร์สีน้ำเงิน อะตอมของซีเรียมจะดูดซับพลังงานและปล่อยแสงออกมาในช่วงแสงสีเหลือง ซึ่งเมื่อรวมกับแสงเลเซอร์สีน้ำเงินที่เหลืออยู่จะทำให้มนุษย์รับรู้เป็นแสงสีขาว 
จุดเด่นของ Ce:YAG:  ให้แสงสีเหลืองที่สว่างและเสถียร ทนความร้อนสูง อายุการใช้งานยาวนาน ไม่เสื่อมง่าย จึงนิยมนำไปใช้ใน LED สีขาว เลเซอร์ฟอสฟอร์ และระบบแสงสว่างในอุตสาหกรรมที่ต้องการความคงทนสูง 
วัสดุฟอสฟอร์นี้อาจอยู่ในรูปแบบ แผ่นเซรามิก  หรือเคลือบบนวัสดุโลหะในรูปแบบ PCC (Phosphor Crystal Coating)  โดย ความหนาและความเรียบของชั้นฟอสฟอร์  จะส่งผลต่อ อุณหภูมิสี ความสว่าง และลักษณะของแสง  ที่ปล่อยออกมาโดยตรง 
เมื่อสารฟอสฟอร์ถูกกระตุ้นด้วยพลังงานจากลำแสงเลเซอร์สีน้ำเงิน (ซึ่งมีพลังงานสูง) สารฟอสฟอร์จะดูดซับพลังงานนั้นและเปล่งแสงออกมาในสเปกตรัมของแสงที่มองเห็นได้ (visible light) ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นแสงสีขาวหรือแสงสีเหลือง  
 
การออกแบบและการผลิตระบบเลนส์: Optics Design in LEP ระบบเลนส์ในไฟฉาย LEP มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเปลี่ยนแสงจากแหล่งกำเนิดให้กลายเป็นลำแสงที่พุ่งไกล คมชัด และมีความเข้มข้นสูง จุดเด่นของลำแสงแบบ “ปากกา” ที่มีสปิลน้อยมากนั้นเกิดจากการออกแบบออปติกที่ซับซ้อนและแม่นยำ
เลนส์โฟกัส (Focused Lens) 
ลำแสงเลเซอร์สีน้ำเงินจากไดโอดจะผ่าน เลนส์โฟกัส  ซึ่งมีหน้าที่ปรับลำแสงให้ขนาน และโฟกัสไปยังจุดเล็กๆ บนแผ่นฟอสฟอร์อย่างแม่นยำ 
การผลิตเลนส์นี้ต้องมีความละเอียดสูงมากในขั้นตอนการ เจียร, ขัดผิว, และเคลือบผิวกันแสงสะท้อน (Anti-reflective Coating)  เพื่อให้แสงผ่านได้เต็มประสิทธิภาพโดยมีการสูญเสียน้อยที่สุด 
 
ระบบเลนส์สะท้อนและฉายแสง (Lens Reflection System) 
เมื่อฟอสฟอร์เรืองแสงสีขาวออกมา แสงนั้นยังคงกระจายอยู่ ไม่ได้พุ่งตรงทันที ดังนั้นจึงต้องมี เลนส์นูนขนาดใหญ่ (Convex Lens) มารับแสงที่เปล่งออก และรวมให้กลายเป็นลำแสงแคบตรงที่พุ่งออกด้านหน้า  
คุณภาพของเลนส์ ความโค้ง ความใส การเคลือบ (Anti-reflective Coating) และ ขนาดของเลนส์นูนส่งผลโดยตรงต่อระยะแสงพุ่งไกล  
ส่งผลโดยตรงต่อความเข้มแสงและระยะส่องไกล ซึ่งในกรณีของ Weltool W7 LEP     มีความเข้มแสงสูงถึง 800,000 แคนเดลา และส่องได้ไกลถึง 1,788 เมตร   
 
การจัดเรียงชิ้นส่วนออปติก (Optical Alignment) 
ระบบ LEP ต้องการการจัดเรียงที่แม่นยำมากระหว่างเลเซอร์ไดโอด เลนส์โฟกัส แผ่นฟอสฟอร์ เลนส์ฉายแสง  แม้ความคลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อยในการจัดตำแหน่งก็อาจทำให้ลำแสงเบี่ยงเบน ลดความเข้ม และสูญเสียประสิทธิภาพได้อย่างชัดเจน
โรงงานผู้ผลิต LEP ชั้นนำมักใช้ ระบบการจัดเรียงแบบแอคทีฟ (Active Alignment)  ในกระบวน การประกอบ เพื่อให้แต่ละองค์ประกอบอยู่ในตำแหน่งที่สมบูรณ์ที่สุด
 
ประเภทของโมดูล LEP (LEP Module Types): ระบบ LEP ยังแบ่งออกหลักตามโครงสร้างโมดูลภายในเป็น 2 รูปแบบซึ่งมีผลต่อการทำงานโดยรวมของไฟฉาย ซึ่งมีผลต่อขนาด รูปร่าง การระบายความร้อน และรูปแบบลำแสง
Mirror-type LEP Module  
 
Shine-through LEP Module  
 
วงจรอิเล็กทรอนิกส์ขับเคลื่อน: 
วงจรควบคุมกระแสคงที่:  วงจรควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อนได้รับการออกแบบมาเพื่อให้กระแสไฟฟ้าที่เสถียรและคงที่แก่เลเซอร์ไดโอด สิ่งนี้ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการส่งออกแสงที่สม่ำเสมอและปกป้องไดโอดจากการรับกระแสไฟเกิน 
การควบคุมอุณหภูมิ : เทอร์มิสเตอร์และอัลกอริทึมควบคุมมักถูกรวมเข้าด้วยกันเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิของโมดูลเลเซอร์ และลดกำลังไฟโดยอัตโนมัติหากเกินขีดจำกัดที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันความร้อนสูงเกินไปและความเสียหาย 
เทอร์มิสเตอร์ (Thermistor)  คือเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติเปลี่ยนค่าความต้านทานไฟฟ้าตามอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง โดยเป็นอุปกรณ์สำคัญในการตรวจสอบและควบคุมอุณหภูมิในระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงในโมดูล LEP ด้วย 
คุณสมบัติด้านความปลอดภัย:  การป้องกันการคายประจุเกินสำหรับแบตเตอรี่, การป้องกันการกลับขั้ว และการเตือนแรงดันไฟฟ้าต่ำ จะถูกรวมเข้าไว้เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ 
 
มาตรฐานความปลอดภัย (IEC 60825-1:2014 Class 1 and IEC 62471 Exempt): ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ 
ปัจจุบัน ผู้ผลิตไฟฉาย LEP ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยทั้ง 2 ฉบับนี้ มาตรฐานสากล IEC 60825-1:2014 Class 1 สำหรับผลิตภัณฑ์เลเซอร์ และ IEC 62471 Exempt Group สำหรับแหล่งกำเนิดแสงทั่วไป
การที่ผลิตภัณฑ์ไฟฉาย LEP สามารถจัดเป็น IEC 60825-1 Class 1 ได้นั้น ไม่ได้หมายความว่าเลเซอร์ไดโอดที่อยู่ข้างในนั้นเป็น Class 1 แต่หมายถึง การออกแบบทางวิศวกรรม กระบวนการผลิต และองค์ประกอบต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย เช่น:
การห่อหุ้ม (Enclosure): มีการปิดผนึกเลเซอร์อย่างสมบูรณ์ ป้องกันไม่ให้รังสีเลเซอร์ที่เป็นอันตรายรั่วไหลออกมาสู่ภายนอก 
กลไกความปลอดภัย (Safety Interlocks): มีระบบป้องกันในกรณีที่อุปกรณ์เสียหาย หรือมีการเปิดส่วนที่เกี่ยวข้องกับเลเซอร์โดยไม่ตั้งใจ 
การแปลงแสง (Phosphor Conversion): แสงเลเซอร์สีน้ำเงิน (หรือสีอื่น) จะถูกแปลงเป็นแสงสีขาวโดยสารฟอสฟอร์ ทำให้แสงที่ออกมาจากหน้าไฟฉายเป็นแสงขาวทั่วไป ไม่ใช่ลำแสงเลเซอร์โดยตรง 
 
ส่วนการจัดเป็น IEC 62471 Exempt Group  ก็ขึ้นอยู่กับว่า ลักษณะของแสงสีขาวที่ถูกเปล่งออกมาจากหน้าเลนส์ของไฟฉาย  ไม่มีอันตรายทางชีวภาพ ไม่เป็นอันตรายต่อดวงตาหรือผิวหนังภายใต้การใช้งานปกติ 
คุณสมบัติเด่นของไฟฉาย LEP: 
ลำแสงพุ่งไกลเป็นพิเศษ:  นี่คือจุดแข็งที่โดดเด่นที่สุดของ LEP สามารถส่องได้ไกลหลายร้อยเมตรถึงหลายกิโลเมตร ซึ่งไฟฉาย LED ทั่วไปทำได้ยาก 
ลำแสงแคบและเข้มข้น (No Spill / Almost No Spill):  ลำแสงของ LEP จะพุ่งตรงและคมกริบแทบไม่มีแสงฟุ้งกระจายออกด้านข้าง ทำให้เหมาะสำหรับการส่องหาเป้าหมายในระยะไกล หรือการใช้งานที่ต้องการแสงเฉพาะจุด 
"LEP with No Spill":  ไฟฉาย LEP แบบดั้งเดิมจะมีแสงรอบข้าง (spill) น้อยมาก หรือแทบไม่มีเลย ทำให้ลำแสงมีความคมชัดและพุ่งไปเฉพาะจุดที่ต้องการ เหมาะสำหรับการปฏิบัติการทางยุทธวิธี งานค้นหากู้ภัย การลาดตระเวน งานสำรวจเส้นทาง ชี้ตำแหน่งเป้าหมายจากระยะไกล 
ให้ความร้อนต่ำ (ในบริเวณที่จับ):  แม้จุดกำเนิดแสงจะร้อนจัด แต่การออกแบบที่ดีทำให้ความร้อนที่มือจับอยู่ในระดับต่ำ 
อายุการใช้งานยาวนาน:  แหล่งกำเนิดแสง LEP มีอายุการใช้งานที่ยาวนานหลายพันชั่วโมง 
 
Weltool ผู้นำอุตสาหกรรมไฟฉาย LEP   ได้สร้างนวัตกรรมใหม่ "ไฟฉาย LEP ที่มี spill"  ใน Weltool W7 LEP    เหมาะสำหรับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย การปฏิบัติการทางยุทธวิธี งานค้นหากู้ภัย การลาดตระเวน งานสำรวจเส้นทาง ชี้ตำแหน่งเป้าหมายจากระยะไกล หรือการใช้งานทั่วไป  
Weltool W7 :
 
ไฟฉาย LEP เหมาะกับใคร? ไฟฉาย LEP ไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน แต่เหมาะอย่างยิ่งกับผู้ใช้งานเฉพาะทางที่ต้องการลำแสงที่พุ่งไกล คมชัด และแม่นยำสูง เช่น:
เจ้าหน้าที่ภาคสนามและงานกู้ภัย  
ผู้ใช้งานด้านความปลอดภัย / รักษาความปลอดภัย  
นักสะสมและผู้ชื่นชอบเทคโนโลยีแสงสว่าง  
ผู้ใช้งานในกิจกรรมกลางแจ้งเฉพาะทาง  
 
ข้อควรพิจารณาก่อนซื้อไฟฉาย LEP: แม้ไฟฉาย LEP จะมีความสามารถพิเศษด้านระยะพุ่งแสงที่เหนือกว่า LED ทั่วไป แต่ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้:
จุดประสงค์ในการใช้งาน  
ลักษณะของลำแสง  
ขนาดและการพกพา  
ข้อจำกัดทางกฎหมาย  
ราคา  
ความร้อนและระบบป้องกัน  
 
จะเลือกไฟฉาย LEP แบบไหนดี? 
ถ้าคุณต้องการพุ่งไกลที่สุด  และใช้งานในลักษณะชี้เป้าระยะไกล (เช่น tactical หรือค้นหา) เลือก LEP แบบไม่มี Spill 
ถ้าคุณอยากได้ความพุ่งไกล แต่ยังใช้งานทั่วไปได้สะดวก  เช่น เดินป่า ดูทาง ใช้งานทั่วไปได้ เลือก LEP ที่มี Spill 
ถ้าคุณใช้งานในระยะใกล้หรือในที่อับแสง   พิจารณาไฟฉาย LED จะเหมาะสมกับการใช้งาน 
 
 
ข้อควรระวัง (Hazard Warning):  ไฟฉาย LEP คือเครื่องมืออันทรงพลังที่เปิดมิติใหม่ของการให้แสงสว่างระยะไกล แต่มาด้วยพลังแสงที่มีความเข้มสูง  ผู้ใช้งานทุกท่านจึงต้องเข้าใจและปฏิบัติตามข้อควรระวังด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมนี้ได้อย่างเต็มที่และปลอดภัย
อ่านคู่มือ:  ศึกษาคู่มือการใช้งานที่มาพร้อมกับไฟฉายอย่างละเอียด 
ใช้งานด้วยความระมัดระวัง:  เปิดใช้งานเฉพาะเมื่อจำเป็นและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ 
ระมัดระวังเมื่อพกพา:  ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไฟฉายไม่สามารถเปิดเองได้ในกระเป๋า (อาจใช้ระบบล็อคสวิตช์ หรือคลายฝาท้าย) 
ปิดฝาครอบเลนส์เสมอ:  หากไฟฉายมีฝาครอบเลนส์แบบทึบแสง ให้ปิดฝาครอบไว้เสมอเมื่อไม่ได้ใช้งาน เพื่อป้องกันการเปิดใช้งานโดยไม่ตั้งใจ 
อันตรายต่อดวงตา:    
อันตรายต่อการบินและการจราจร:  ห้ามส่องลำแสงไฟฉาย LEP ไปยังเครื่องบิน ยานพาหนะ หรือผู้คนโดยเด็ดขาด แสงเลเซอร์สามารถทำให้เกิดการรบกวนการมองเห็นอย่างรุนแรงต่อผู้ขับขี่หรือนักบินในระยะทางไกลหลายกิโลเมตร ซึ่งเป็นอันตรายและผิดกฎหมาย  
อันตรายจากความร้อน:  ห้ามจ่อลำแสงไฟฉาย LEP ในระยะใกล้กับผิวหนัง เสื้อผ้า หรือวัตถุไวไฟ! กำลังของเลเซอร์ที่จุดกำเนิดแสงนั้นสูงมาก หากจ่อในระยะใกล้ อาจทำให้เกิดความร้อนสูง รอยไหม้ หรือแม้กระทั่งติดไฟได้ 
ไม่อนุญาตให้เด็กใช้งาน:  ไฟฉาย LEP ไม่ใช่ของเล่นและไม่เหมาะสำหรับเด็ก 
ห้ามดัดแปลง:  อย่าพยายามถอดประกอบหรือดัดแปลงโมดูล LEP หรือส่วนประกอบภายใน 
 
 
        Tags 
        Advanced Technology 
Blue Light Hazard 
Emergency Gear Backpack 
Flashlight Technology 
IEC 60825-1 
IEC 62471 Exempt 
Laser Class 1 
Laser Class 3B 
Laser Excited Phosphor 
LEP Class 1 
LEP Flashlight 
Weltool 
Weltool W7 
มาตรฐานความปลอดภัยสำหรับไฟฉายและแหล่งกำเนิดแสง LEP/LED 
เทคโนโลยีส่องสว่าง 
ไฟฉาย LEP